หมวด : นักข่าวอาสา
โดย ภัทราพร ตั๊นงาม เวทีสัมมนา"ชำแหละ พรบ.กสทช. เริ่มแรกและเร่งด่วน : สู่แนวทางของแผนแม่บทฯ" วันนี้ จัดโดยคณะกรรมาธิการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสารและโทรคมนาคม วุฒิสภา ที่มีนายประสิทธิ์ โพธสุธน เป็นประธาน มีผู้ร่วมเสวนาหลักๆ ประกอบด้วย นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ รักษาการ เลขาธิการกทช. ปฎิบัติหน้าที่ กสทช., นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ ประธานสภาวิชาชีพข่าว วิทยุ และโทรทัศน์ไทย, นายต่อพงษ์ เสนานนท์ ประธานฝ่ายส่งเสริมการเข้าถึงเทคโนโลยีและสื่อสาธารณะ สภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย รศ.ดร.ยุบล เบ็ญจรงค์กิจ นายกสมาคมวิชาการนิเทศศาสตร์และการสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย, นางจำนรรค์ ศิริตัน นายกสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์, นายเกษม อินทร์แก้ว นายกสมาคมเคเบิ้ลทีวีแห่งประเทศไทย ส่วนข้างล่างเวทีมีผู้ร่วมรับฟังจากภาคส่วนเกี่ยวข้องนับ 100 คน นายอนันต์ วรธิติพงศ์ รองปธ.กมธ.ฯ บอกว่า วันนี้หารือกันใน 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ การทำความเข้าใจมาตราต่างๆ ในข้อกฎหมาย ฉบับนี้ / ความคืบหน้าการสรรหา กสทช. และการระดมความเห็นเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. ระหว่างปฎิบัติหน้าที่แทนคณะกรรมการ กสทช. ซึ่งในประเด็นหลังนี้ ผู้ร่วมสัมมนาหลายคนเห็นตรงกันว่า กทช. ต้องทำรายละเอีดยดแผนแม่บทรองรับกสทช. ที่คาดว่าจะสรรหาตัวบุคคลได้เร็วที่สุดก็อีก 7-8 เดือนข้างหน้า หรือ ประมาณ เดือนสิงหาคม หรือ กันยายน
นอกจากนี้ ยังเห็นว่าปัญหาเรื่องการเช่าโครงข่ายโทรคมนาคม (MVNO) จะเป็นปัญหาที่ต้องเร่งยื่นให้กฎษฎีกาหรือหน่วยเกี่ยวข้องตีความ เพราะปัจจุบันคลื่นความถี่เป็นของราชการ หรือหน่วยงานรัฐ ทั้งนั้น และให้เอกชน เช่น ทีโอที และ กสท. เช่าช่วงทำต่อ แต่เมื่อกฎหมายฉบับนี้บังคับใช้ อาจส่งผลกระทบต่อกิจการโทรคมาคมได้ รศ.ยุบล เบ็ญจรงค์กิจ นายกรัฐสมาคมวิชาการนิเทศศาสตร์ และการสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย ระบุว่า พรบ.ฉบับนี้มีการพูดการการแข่งขันอย่างเปิดกว้าง เสรีและเป็นธรรม และให้ความสำคัญกับการจัดตั้ง "กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ" ซึ่งกองทุนนี้ มีจุดประสงค์เพื่อดำเนินการให้ประชาชนได้รับบริการด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมอย่างทั่วถึง รวมถึงการพัฒนาทรัพยากรสื่อสาร ส่งเสริมและสนับสนุน การพัฒนาบุคคลากรและคุ้มครองผู้บริโภค ทั้งนี้ เงินหรืองบประมารที่จะนำเข้าไปสนับสนุนกองทุน จะจัดการอย่างไรให้เกิดประโยชน์สาธารณะ ไม่ใช่เป็นผลประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าควรเขียนเนื้อหาไว้ในแผนแม่บทและต้องเขียนไว้ล่วงหน้าเพื่อป้องกันไม่ให้เข้าสู่กลไกลเศรษฐศาสตร์
กฎหมายฉบับนี้จะมีความสมบูรณ์ได้ ถ้าเรามีตัวแทน ที่มีความรอบรู้ทุกด้านที่เกี่ยวกับวิทยุ และโทรทัศน์ ซึ่งพวกวิชาชีพจะมีจุดดีคือทำงานอยู่ในภาคสนามทุกวัน รับรู้ปัญหา นักวิชาการก็ดีก็จะมีความรู้จากการศึกษาวิจัย ส่วนตัวเห็นว่าไม่ควรจะตัดภาคใดภาคหนึ่งทิ้ง ส่วนเรื่องคลื่นความถี่ หรือสัมปทานฟรีทีวี นั้น เห็นว่า เรื่องแผนแม่บทที่จะออกมา ไม่ควรให้กระทบต่อผู้ผลิตที่มีอยู่เดิม แต่ควรขยายให้ได้กว้างที่สุด ไม่ใช่การไปริบหรือยึดคืนทีวีเพื่อประมูลใหม่ แต่ทางที่ดีควรจะเปิดให้มันเสรี ทำอะไรก็ให้มันเสรีเถอะ แต่ขอให้ได้คนที่ผลิตดีๆ มีคุณภาพเท่านั้น ถึงจะอยู่ได้ เรื่องนี้ ยิ่งมาก ยิ่งดี ยิ่งแข่งขันกัน อีกเรื่องที่อยากฝาก คือแผนแม่บท ควรทำแผนให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามกาลเวลาและสถานการณ์ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า และอยากให้กสทช.มีส่วนผสมของคนทำงานเป็นและทำงานกันจริงๆ สำหรับเวที "ชำแหละ พ.ร.บ.กสทช.ฯ" ครั้งนี้ กมธ.ได้ประชุมระดมข้อมูลกันและจะประมวลรายละเอียดทั้งหมดเสนอที่ประชุมร่วมกมธ. เพื่อทำหนังสือส่งให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ และบริษัท เอกชน เกี่ยวกับปัญหาอุปสรรคที่จะเกิดขึ้นกับพ.ร.บ.ฉบับนี้ และจะจัดเวทีในรูปแบบนี้ต่อเนื่องเพื่อสะท้อนหลากมุมมองการปฎิรูปอุตสาหกรรมโทรคมนาคม วิทยุ สื่อสาร บุคลากร และผู้เกี่ยวข้องทุกระบบ ++++++++ ติดตามข่าวผ่านระบบออนไลน์ |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น